เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด สระบุรี วัดเขาแก้ววรวิหาร

เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด  สระบุรี  😀

๒.  วัดเขาแก้ววรวิหาร ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี

การเดินทาง   หลังจากไหว้พระ ทำบุญ ที่วัดศาลาแดง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางต่อมายังวัดเขาแก้ววรวิหาร โดยออกจากวัดศาลาแดง เลี่ยวซ้ายเข้าถนนพิชัยรณรงค์สงคราม (ทางหลวงหมายเลข ๓๐๔๑)  มาถึงสี่แยก เลี้ยวขวา เข้าทางหลวงหมายเลข ๓๖๒  ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข ๓๐๕๐ ประมาณ ๑.๙ กิโลเมตร ผ่านหอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน สระบุรี อยู่ทางด้านซ้ายมือ แล้วเลี้ยวขวา ไปสัก ๑๔๐ เมตร  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าวัด

พิกัด GPS :  14.556718, 100.883950

แผนที่

ประวัติวัด 

ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็นวัดอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร วัดนี้เดิมเป็นวัดราษฎร์สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๑๗๑ สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท และจะเสด็จนมัสการพระพุทธฉายด้วย จึงทรงแวะพักไพร่พลขบวนราบที่พลับพลาที่หินลาดวัดเขาแก้ว ทรงเห็นว่าที่นี้เป้นชัยภูมิที่เหมาะสม เพราะตั้งอยู่ภูเขาเล็กๆ แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามเป็นที่สงบ เหมาะสำหรับการบำเพ็ญสมณธรรม พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ จึงทรงรับสั่งให้เจ้าพระยานิกรบดินทร์(โต กัลยาณมิตร) เป็นแม่กลองควบคุมการก่อสร้าง เจ้าพระยานิกรบดินทร์ได้จัดการให้พนักงานนำเครื่องบนและสิ่งก่อสร้างจากกรุงเทพฯมาบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ปรับปรุงขยายให้ใหญ่กว่าของเดิม ก่อกำแพงรอบพระอุโบสถขึ้นใหม่ สร้างกุฏิไว้ด้านทิศเหนือของพระเจดีย์มีการบูรณะองค์พระเจดีให้มั่นคง และทรงสถาปนาวัดเขาแก้วขึ้นเป็นพระอารามหลวงพระราชทานนามว่าวัดคีรีรัตนาราม ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวิชรญาณวโรรส องค์สังฆประมุข เสด็จออกตรวจการณ์คณะสงฆ์จังหวัดสระบุรี  ทรงเห็นป้านที่ติดท่าหินลาดหน้าวัด ว่า "วัดคีรีรัตนราม"  รับสั่งว่าเป็นคำมคธทรงให้เรียกเป็นคำไทยว่า  "วัดเขาแก้ว" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เมื่อผ่านเข้ามาทางซุ้มประตูวัดด้านหน้า จะพบซุ้มบันไดขึ้นวัด  หากท่านใดไม่สะดวกเดินขึ้น ก็มีทางรถขึ้นอยู่ทางด้านขวาของซุ้มบันได ค่ะ

ซุ้มบันได ขึ้นวัดเขาแก้ววรวิหาร
ซุ้มประตูบันไดวัดเขาแก้ววรวิหาร ใช้ระบบเสาและคาน (Post and lintel) ด้วยประติมากรรม ระบายสี บริเวณภายใน กรอบประตูตกแต่งด้วยวงโค้ง ซึ่งประดับบริเวณมุมทั้ง ๒ ข้าง ประดับลายพันธุ์พฤกษา ให้คล้ายกับซุ้มประตูแห่งชัยชนะแบบสถาปัตยกรรมโรมัน (Triumphal arch) หัวเสาประดับปูนปั้นทรงดอกบัวตูมทั้ง ๒ ข้าง ตรงกลางซุ้มประตูประดับประติมากรรมรูปสิงโหแบบศิลปะจีน บริเวณคานด้านหน้าระบุชื่อบันไดและปีการสร้าง “บันไดเก๊ากำพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๑” ถัดลงมาบริเวณโคนเสาด้านในทั้ง ๒ ข้าง ประดับประติมากรรมติดผนังรูปทหาร สวมหมวก ไว้หนวดเหนือริมฝีปาก สวมเสื้อแขนยาวแบบชาวตะวันตกคอเสื้อสูงปิดคอ คาดสายสะพาย มือขวาถือปืนยาว มือซ้ายแนบลำตัว สวมกางเกงยาว รองเท้าหุ้มส้น จากการแต่งกายของประติมากรรมทหารสันนิษฐานว่า น่าจะมีอายุอยู่ในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึง รัชกาลที่ ๕ เนื่องจากทหารในสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึงแม้จะสวมเสื้อแบบตะวันตกบ้างแล้วแต่ยังคงสวมจงกระเบน จนกระทั่งปลายรัชสมัยจึงเริ่มมีการสวมกางเกงขายาวแบบตะวันตก ต่อมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างออกแบบตัดแปลงจากเสื้อนอกของฝรั่งเรียกว่า“เสื้อราชประแตน”และสวมหมวกอย่างยุโรป ให้ข้าราชการทหารแต่งเครื่องแบบ นุ่งกางเกงอย่างทหารยุโรป แทนการนุ่งโจงกระเบนแบบเก่า นอกจากนี้ปืนยาวที่อยู่ในมือของประติมากรรมทหารอาจเป็นปืนมัลลิเคอร์ยาวที่สั่งเข้ามาใช้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ ก็เป็นได้

โบสถ์

เมื่อเดินถึงด้านบน จะพบโบสถ์อยู่ทางด้านซ้ายมือ

โบสถ์ ถ่ายจากทางด้านพระเจดีย์
พระประธานในโบสถ์

พระเจดีย์

เมือ กราบพระ ในโบสถ์ เสร็จแล้วจึงเดินออกมา  จะพบพระเจดีย์ อยู่ทางด้าน ซ้ายมือ 

พระเจดีย์ ถ่ายจากโบสถ์
พระเจดีย์มีรูปลักษณะทรงไทย ๕ ยอด ชนิดมีเรือนทาสแบบย่อมุมไม้สิบสองทิ้งบนฐานทักษิณ ๓ ชั้น ประกอบด้วยมุขจระนำ๔ ด้าน ด้านทิศตะวันตกออกแบบประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ด้านทิศเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึงด้านทิศตะวันตก ประดิษฐานพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ด้านทิศใต้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา องค์ระฆังกลมประกอบด้วยบัวกลุ่มปลียอดพระเจดีย์สูง ๓๔ เมตร กว้างโดยรอบ ๓๔.๕๐ เมตรภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุสาวก




เจดีย์ยอดปราสาท


เจดีย์ยอดปราสาท ตั้งอยู่ระหว่างหอระฆังและเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2413 เป็นปราสาทห้ายอด ก่ออิฐถือปูน ยอดเจดีย์เป็นทรงปราสาทประดับด้วยปราสาทจำลองประจำทิศ ๔ ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ถัดลงมาเป็นชั้นวิมาน ๒ ชั้น ซุ้มจรนำ ๔ ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปทุกซุ้ม ส่วนฐานประดิษฐานพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ประจำในทิศตะวันออก พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่และทรงเครื่องน้อยปางห้ามสุทร และพระมาลัยประจำทิศตะวันตก และรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปปางสมาธิประจำทิศใต้ ทั้ง ๓ ทิศ ทำซุ้มหลังคามุมกระเบื้อง ไขราหน้าจั่วประดับปูนปั้น มีรายละเอียดดังนี้

หน้าบันทิศตะวันใต้ ด้านบนบริเวณกึ่งกลางหน้าบันประดับลายดอกพุดตาน ถัดลงมาเป็นจารึกบอกปีการสร้างและปีการบูรณะภายในกรอบสี่เหลี่ยม กล่าวคือ สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๓ บูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อ เดือนมิถุนายน ร.ศ. ๑๑๙ (พ.ศ. ๒๔๔๓) วางบนพานมีเชิง ล้อมรอบด้วยลายพันธุ์พฤกษา

ส่วนบน เจดีย์ยอดปราสาท กับ พระเจดีย์

หน้าบันทิศตะวันออก ด้านบนบริเวณกึ่งกลางหน้าบันประดับลายดอกบัวบานมีก้านยาว ถัดลงมากรอบรูปวงรีวางบนพานมีเชิง ล้อมรอบด้วยลายพันธุ์พฤกษา
เจดีย์ยอดปราสาท กับ พระเจดีย์

จากรูปแบบลายประดับบนหน้าบันทั้ง ๒ ด้าน อาจเป็นไปได้ว่าหน้าบันทิศใต้ถูกบูรณะขึ้นใหม่ในช่วง พ.ศ. ๒๔๔๓ ดังปรากฏในจารึกบนหน้าบัน ส่วนหน้าบันทางทิศตะวันออกเป็นลวดลายเดิม เนื่องจากลักษณะและความสมบูรณ์ของลวดลาย อีกทั้งการจัดองค์ประกอบของลายที่ปรากฏเป็นลักษณะที่นิยมในช่วงรัชกาลที่๔ – ต้นรัชกาลที่ ๕ ซึ่งใกล้เคียงกับปีการสร้างที่จารึกไว้

หลังจากกราบสักการะ ในโบสถ์ และ พระเจดีย์ แล้ว ผมจึงออกเดินทางไป วัดพะเยาว์ ต่อ 😄


ขอขอบคุณค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจหาที่พัก ใน จังหวัดสระบุรี สามารถ กดลิงค์ ที่นี่ ได้  หรือ กดลิงค์นี่ ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น