เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด อุบลราชธานี วัดที่ ๙ วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว

เที่ยวไหนดี? ...  ไหว้พระ ๙ วัด  อุบลราชธานี  วัดที่ ๙ วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว 😀

ออกจาก วัดถ้ำคูหาสวรรค์ มาประมาณ ๒๕ - ๒๖ กิโลเมตร ก็ถึงวัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว วัดแห่งนี้ มีความสวยงามอยู่ที่ยามค่ำคืน ซึ่งผนังโบสถ์สามารถเรืองแสงได้  ทำให้การไหว้พระ ๙ วัด จึงมาสิ้นสุดที่วัดแห่งนี้  สำหรับการเดินทางควรมาถึงประมาณ ห้าโมงเย็น หรือ ห้าโมงครึ่ง เพื่อที่สามารถเก็บภาพได้ในช่วงที่มีแสงแดด และช่วงกลางคืน ที่เป็นภาพปรากฎการณ์เรืองแสง

ด้านหน้าพระอุโบสถ
หลังจากที่จอดรถ ก็เริ่มเดินรอบๆ บริเวณวัด วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์สวยงาม ซึ่งด้านหลังวัดเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นประเทศลาว  วัดอยู่ในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี คติความเชื่อในการสร้างวัดเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์

พระประธาน ปางมารวิชัย ยามเย็น
พระอุโบสถตั้งเด่นอยู่บนยอดเขา เป็นสีออกทางโทนสีทอง ด้านหน้ามีพญานาคอยู่เชิงบันได ภายในพระอุโบสถทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ มีพระประธานปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ภายใน ด้านหลังองค์พระมีประติมากรรมต้นโพธิ์ สีทอง ซึ่งมีความงดงามวิจิตร  พระอุโบสถจำลองมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่เพิ่มความกว้างมากกว่า ๑ เท่า และความยาวมากกว่า ๒ เท่า  เสาแต่ละต้น สร้างสรรลวดลวายศิลปะด้วยมือ ส่วนรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติพุทธศาสนา เกี่ยวกับบัว ๔ เหล่า

ที่นั่งพัก ภายในบริเวณวัด
ภาพวิิว ณ จุดชมวิวของวัดภูพร้าว
ออกจากโบสถ์เดินรอบๆ  โบสถ์  ก็เริ่มเก็บภาพบรรยากาศต่างๆ บริเวณพื้นด้านนอกโบสถ์มีประติมากรรมลายเส้น ทาสีขาวเงา เป็นลวดลายสวยงาม ความงดงามในรูปแบบแตกต่างจะเกิดขึ้นในยามค่ำคืน

ด้านหลังพระอุโบสถ
เดินมาถึงด้านหลังของโบสถ์ ก็พบประติมากรรมต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่ฝาผนังโบสถ์ ที่ลำต้นและใบ ประกอบไปด้วยกระเบื้องสี  โดยรวมมีสีสรรสวยงาม

ประติมากรรมต้นกัลปพฤกษ์
ต้นกัลปพฤกษ์

ด้านหลังพระอุโบสถ
ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ใกล้เวลาจะลับขอบฟ้า แสงอรุณเริ่มจางหาย แต่ยังต้องรอเวลา ที่ต้นกัลปพฤกษ์จะเรืองแสง

ด้านข้างโบสถ์ มีประติมากรรมสัตว์หิมพนาต์
ด้านข้างโบสถ์ มีประติมากรรมสัตว์หิมพนาต์

วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว เริ่มจาก ท่านพระอาจารย์บุญมาก ซึ่งเป็นคนฝั่งลาว  จำปาสัก  เข้ามาเผยแผ่ศาสนา ได้ปักกลด ที่ภูพร้าวแห่งนี้ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๒๔๙๘   ต่อมาทางราชการมีการสำรวจพื้นที่ เพื่อสร้างเขื่อนสิรินธร ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๖  พระอาจารย์บุญมากได้ขอบิณฑบาตที่ผืนนี้เป็นวัด  ซึ่ง ทางราชการและอำเภอพิบูลมังสารหาร อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้ โดยใช้ชื่อวัดว่า "วัดภูพร้าว"  มีเนื้อที่ประมาณ ๕๐๐ ไร่ และ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ทางราชการมีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ตั้งเป็น อำเภอสิรินธร แยกจากอำเภอพิบูลมังสาหาร  วัดภูพร้าวจึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว"

ด้านหลังโบสถ์ กับภาพต้นกัลปพฤกษ์
ภายหลัง พระอาจารย์บุญมาก กลับประเทศลาว และ มรณภาพลงใน ปี พ.ศ. ๒๕๒๔  ทิ้งให้วัดร้างหลายปี ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ พระครูกมลภาวนากร (พระอาจารย์สีทน กมโล) ได้มาบูรณะปฏิสังขรวัดแห่งนี้ ให้มาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอีกครั้ง  จนกระทั่ง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา 

ด้านหน้า โบสถ์ยามค่ำ
แสงอาทิตย์อัสดง ด้านหน้าพระอุโบสถ
แสงอาทิตย์ยามค่ำ
พุทธศิลป์ของวัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว จะนำเสนอด้วยความปราณีต เป็นแนวคิดที่ให้พระประธานในพระอุโบสถ เป็นใจกลางเขาพระสุเมรุ ในป่าหิมพานต์ 

พระประธาน ปางมารวิชัย ยามเย็น
เจดีย์ ภายในวัด

ภายในบริเวณวัด
เมื่อสิ้นแสงตะวัน คราวนี้ก็รอแสงจันทร์ ถ้าเป็นวันที่มีแสงจันทร์มาก ก็จะสะดวกในการเห็นได้ง่ายกว่า สำหรับการมองเห็นด้วยตาเปล่า มีความสวยงามมาก แต่การบันทึกภาพถ่ายด้วยกล้องมือถือ นั้น ค่อนข้างลำบากพอสมควร  ผู้สร้างสรรค์ประติมากรรมต้นกัลปพฤกษ์ ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ความสวยงามนี้ คือ ช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยผู้ติดกระเบื้องโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตนเอง ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร ในการใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้น  คุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะรับแสงในตอนกลางวัน แล้วจะฉายแสงออกมาในตอนกลางคืน

ภายในโบสถ์เริ่มเปิดไฟ
ในวันที่ไปเป็นคืนข้างแรม การเห็นแสงของต้นกัลปพฤกษ์นี้ ต้องรอให้มืดพอสมควร ประมาณเกือบหนึ่งทุ่มก็จะเห็นแสงเขียวได้ด้วยตาเปล่าที่ชัดเจน เทคนิคในการถ่ายภาพแนวนี้ สำหรับมือถือที่มีโหมดการถ่ายภาพแบบเปิดหน้ากล้องนานๆ ได้ ก็จะสามารถถ่ายออกมาได้สวยงาม  ซึ่งระหว่างการถ่ายด้วยโหมดนี้ จะต้องนิ่งๆ มากๆ ถ้าไม่มีขาตั้งกล้อง ก๋็ควรวางกับพื้นถ่ายในมุมเงย

โบสถ์กับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง
หลายท่าน รู้เทคนิคเรื่องการเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้ ก็จะเตรียมอุปกรณ์ คือ ไฟฉายแรงสูงขนาดใหญ่ และขาตั้งกล้อง  เมื่อแสงที่ต้นนี้ ลดลง ก็จะฉายไฟไปที่ต้น สักพักแล้วดับไฟ การเรืองแสงก็จะสว่างขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งลงมาเหลือเท่ากับแสงจันทร์ในค่ำคืนนั้น (ระหว่างการใช้ ควรใช้ในเวลาที่เหมาะสม)

ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง
ถ้าเราถ่ายภาพกับต้นไม้ในยามค่ำคืน ทั่วไปก็เป็นการใช้แฟลชจากกล้องถ่ายรูป แต่ทำให้การเห็นแสงสีเขียวนั้น หายไปหรือเห็นน้อยลง แต่ถ้าต้องการให้เห็นตัวเรา และต้นไม้เรืองแสงสีเขียว โดยคงความเป็นเอกลักษณ์ของต้นไม้สีเขียวนี้ คือ การใช้โหมดถ่ายภาพแบบเปิดแช่ได้ และปิดตามที่เราต้องการ จากนัั้น เรายืนหรือนั่งนิ่งๆ  เมื่อเปิดการถ่ายภาพ ควรมีอีกท่าน เปิดไฟฉายมือถือ สาดไปที่ตัวบุคคลที่ถ่าย โฟกัสมาที่ตัวนายแบบหรือนางแบบ  แล้วปิดไฟ แต่กล้องยังทำงานอยู่ ผ่านไปอีกสักพักก็ปิดหยุดการทำงานของกล้อง   ภาพที่รับแสงจากนายแบบหรือนางแบบ ก็จะเหมาะสมกับภาพต้นไม้   ถ้าเราปิดการทำงานพร้อมกันในระหว่างที่มีการฉายไฟมาที่ตัวนายแบบ  ภาพตัวบุคคลอาจจะสว่างเกินไป  ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปิด ว่าควรเปิดกี่วินาที นั้น ต้องทดลองทำกันครับ 😄

ต้นกัลปพฤกษ์ กับโบสถ์ และลำตัวพญานาคเรืองแสง
ตัวผมไม่มีโหมดนี้ ใช้ AUTO อย่างเดียว ประมาณ ๒๕ รูป จะได้แวบๆ มาหนึ่งรูปเบลอๆ  ครับ ก็ยังพอได้อยู่ แต่ลุ้นน่าดู  บางคนไม่สามารถถ่ายได้เลย ถือว่าน่าเสียดายเพราะรอมาตั้งนานด้วยกัน  มาสังเกตุดู ลำตัวพญานาคก็เรืองแสงเป็นแนวๆ  กับแสงสีเหลืองในโบสถ์ เมื่อถ่ายภาพออกมาก็มีความสวยงามอีกแบบหนึ่ง

สำหรับเส้นลวดลายสีขาว ก็สร้างความสวยงามได้ด้วยตัวเราเอง คือ เราสามารถใช้ไฟฉายจากมือถือ ซึ่งจะเป็นลำแสงเล็ก นำมาชิดกับบริเวณลวดลายสีขาวมันเงาที่เราต้องการ  แล้วเขียนเป็นตัวอักษรตามที่ใจเราต้องการ

ผลงานจากมือถือของเราเอง
หลังจากที่อื่มเอมกับความงดงามในพุทธศิลป์ ของวัดสิรินธรวราราม ภูพร้าวแล้วก็ถึงเวลาการเดินทางหาที่พัก และแล้วก็ได้ คือ โรงแรมทอแสงโขงเจียม รีสอร์ท

โบสถ์ ยามค่ำคืน

พิกัด GPS  วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว  จังหวัดอุบลราชธานี  :     15.148709, 105.467700

แผนที่  วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว  จังหวัดอุบลราชธานี  



การเดินทาง
จาก วัดถ้ำคูหาสวรรค์  เลี้ยวขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๒๒๒ ไป ๗๕๐ เมตร บรรจบเป็นสามแยกเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๑๗๓ ไป ๑๕ กิโลเมตร จะเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง ๒๑๗ ไป ๗.๗ กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวงชนบท (ขนาดประมาณซอย)  ไป ๘๕๐ เมตร พบทางแยก เบี่ยงขวาไป ๑.๑ กิโลเมตร แล้วเบี่ยงขวาอีกครั้ง ไป ๑๒๐ เมตร จะพบ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว

ขอบคุณ  ครับ  😄


ไหว้พระ ๙ วัด จังหวัดอุบลราชธานี 

วัดที่ ๑ วัดหนองป่าพง
วัดที่ ๒ วัดพระธาตุหนองบัว
วัดที่ ๓ วัดสระประสานสุข
วัดที่ ๔ วัดศรีอุบลรัตนาราม
วัดที่ ๕ วัดทุ่งศรีเมือง
วัดที่ ๖ วัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
วัดที่ ๗ วัดมหาวนาราม
วัดที่ ๘ วัดถ้ำคูหาสวรรค์
วัดที่ ๙ วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว

สำหรับท่านที่ สนใจหาที่พักใน จังหวัดอุบลธานี  สามารถกดดูรายละเอียดที่  ลิงค์นี้  หรือ  ลิงค์นี้  ก็ได้ ครับ  (กรณีต้องการลงอำเภอ สามารถระบุใหม่ได้ ครับ)

1 ความคิดเห็น:

  1. วัดสวยมากๆ ค่ะ.. เป็นวัดที่สามารถถ่ายรูปได้สวยทั้งกลางวันกลางคืนเลยค่ะ กลางวันจะได้สีคลาสสิคคล้ายสีอิฐมอญ ส่วนกลางคืนบริเวณที่เป็นกิ่งไม้จะถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวสะท้อนแสง สวยงามมากๆค่ะ ใครที่ชอบถ่ายรูปห้ามพลาดเลยค่ะ :D

    ตอบลบ