เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด อุบลราชธานี วัดที่ ๑ วัดหนองป่าพง

เที่ยวไหนดี? ...  ไหว้พระ ๙ วัด  อุบลราชธานี  วัดที่ ๑  วัดหนองป่าพง 😀

มีโอกาสได้จัดทริปเดินทางไปภาคอีสาน คราวนี้ ว่าจะไปหลายจังหวัด หน่อย ... โดยเน้น ในแนว ทำบุญ ไหว้พระ มาก สักนิดนึง  จุดหมายแรกที่ตั้งใจแวะ เป็นจังหวัดอุบลราชธานี  ประมาณว่า วันแรกที่ถึงน่าจะได้ ๙ วัด 😃

เมื่อตั้งใจไว้แบบนี้ ก็น่าจะถึงที่จังหวัดอุบลราชธานี ตอนย่ำรุ่งของวันใหม่ ถึงจะทำได้ ๙ วัด  จึงออกเดินทางในช่วงกลางคืน จากกรุงเทพฯ ออกประมาณ ๔ ทุ่ม แวะรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม บ้าง ตามปั้ม ที่น่าแวะ พอเลยจังหวัดนครราชสีมา ปั้มน้ำมัน ที่พอแวะได้ ก็เริ่มมีระยะทางห่างขึ้น 😄

เวลาประมาณ ๖ โมงเช้า ก็เดินทางมาถึงจังหวัดอุบลราชธานี  แวะจอดพักที่ ปั้มน้ำมัน ถนนใหญ่  ก่อนเข้าเส้นทางย่อย ไปวัดหนองป่าพง   หลังจากทำภารกิจส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางเข้าไป ที่วัด

บรรยากาศ ยามเช้า เย็น สดชื่น แสงแดดรำไร  เมื่อใกล้ถึงวัด ก็แวะหาร้านอาหาร มาเจอร้านป้า คนหนึ่ง ขายอาหารอีสาน มี ข้าวจี่, ปลาย่าง, ห่อหมก และอื่นๆ   เลยจัดสักชุดหนึ่ง

วัดหนองป่าพง เป็นวัดป่าฝายอรัญวาสี  ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี  ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๕ เมษายน  พ.ศ. ๒๕๑๗  ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๔๑  ตอนที่ ๗๑ โดยกำหนดเขตกว้าง ๔๐ เมตรยาว ๘๐ เมตร   มีพื้นที่ป่าไม้ในเขตกำแพง ๑๘๖ ไร่ ๓ งาน ๙๔  ตารางวา

ข้อความทางเข้า พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร
วัดหนองป่าพง เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗  ขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๔ ปีมะเส็ง  หลวงพ่อชา สุภทฺโท ท่านได้เดินธุดงค์มาถึง ดงป่าพง พร้อมด้วยลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง  เมื่อเดินทางมาถึงก็ได้ทำการปลักกลด เรียงรายอยู่ตามชายป่า ในสมัยนั้น  ดงป่าพง เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มีหนองน้ำใหญ่อยู่กลางดงป่า ณ บริเวณนั้น มีกอพง อยู่เป็นอันมาก  สัตว์ป่ามาอาศัยชุกชุม จากสภาพป่าดังกล่าว ทำให้เกิดไข้ป่าได้ง่าย  ในช่วงเวลานั้น ที่ ดงป่าพง นี้ ชาวบ้านกลัวที่จะเข้ามาบุกรุกถากป่า เพื่อทำไร่ ทำนา เพราะมีหลายคนเข้ามาทำแล้ว ก็มีอันเป็นไปในไม่ช้า จนกระทั่งไม่มีใครกล้าเข้ามา  ส่งผลให้ป่ายังมีความสมบูรณ์  

หลวงพ่อชา สุภทฺโท (พระโพธิญาณเถร) ตั้งชื่อวัดว่า วัดหนองป่าพง โดยตั้งจากสภาพภูมิประเทศเป็นหลัก  แต่ชื่อที่ชาวบ้าน มักเรียกกันติดปาก  คือ  วัดป่าพง

ด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้าน จากแรกเริ่มที่มีเพียง บรรณศาลา (กระท่อม) ไม่กี่หลัง ในบริเวณวัด จนมามี ศาสนสถานแบบถาวร ต่างๆ เพื่อกิจกรรมทางศาสนา


บริเวณ ภายในวัด
เมื่อเข้าไปในวัดหนองป่าพง จะพบ พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร ทางด้านหน้า และถ้า อ้อมจาก พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถรไปด้านหลัง ก็จะมีพื้นที่ชั้นใน เป็นโบสถ์ไม้ และโรงฉัน   สิ่งที่รู้สึกได้เมื่ออยู่ภายในวัด คือ ความร่มเย็น จากต้นไม้ใหญ่  อุณหภูมิที่เย็นสบาย  ในเวลาประมาณ ๗ โมง ก็ยังมีผู้คนเดินทางเข้ามา พร้อมสำรับอาหาร เพื่อไปตักบาตร  ส่วนใหญ่จะมุ่งเดินไปที่โรงฉัน

เมื่อเดินตามเข้าไป ก็มีคนเดินทางกลับ   ถึงโรงฉัน ก็ฝากถวายไว้ เพราะเดี๋ยวพระจะมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำหน้าที่ ประเคนให้  โดยที่เราไม่ต้องอยู่รอ

หลังจาก ถวายภัตตาหาร ผ่านทางแม่ชี แล้ว ทางด้านข้างทางขวาของโรงฉัน  มีโบสถ์ไม้ ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่  เข้าไปกราบ พระประธาน   เนื่องจากช่วงเวลาเช้าในวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันหยุดและวันพระ  จึงไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก  ในโบสถ์ เงียบสงบ อากาศเย็น รู้สึกเย็นใจ นั่งสวดมนต์บทใหญ่ แล้วออกมา  ระหว่างกลับมาที่ พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร  ตลอดเส้นทาง มีคำสอนต่างๆ ติดอยู่ตามต้นไม้ เพื่อเตือนสติ อุบาสก อุบาสิกา และผู้มาเยือนต่างๆ ด้วยธรรมของพระสุคต

ธรรมะจากต้นไม้
เดินกลับมาที่ พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร แล้ว ก็ยังไม่ถึงเวลาเปิดให้เข้า จึงตั้งใจจะไปจุดหมายอื่น ภายในวัด ที่สำคัญ คือ  เจดีย์อัฐิหลวงปู่ชา  อยู่ห่างจาก พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร ประมาณ  ๕๐๐ เมตร  เป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ  สีทองวาว ยามเมื่อต้องแสงอรุณ  ภายในบรรจุพระอัฐิธาตุของหลวงพ่อชา สุภัทโท  

ทางเข้า เจดีย์อัฐิหลวงปู่ชา (ถ่ายทางจากเจดีย์ออกมา)

ประวัติ พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) (๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑  - ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕  สิริอายุรวม  ๗๓ ปี  ๕๒ พรรษา)

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)   นามเดิมท่าน คือ  ชา ช่วงโชติ  เกิดที่ บ้านก่อ อำเภอวารินชำราบ  จังหวัดอุบลราชธานี  ตรงกับวันศุกร์  ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๗ ปีมะเมีย

บรรพชาเป็นสามเณร  เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เข้ารับการอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ออกศึกษาปริยัติธรรมต่างถิ่นปี พ.ศ.  ๒๔๘๔  เดินทางไปกราบนมัสการฟังโอวาทหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปี พ.ศ. ๒๔๙๐  จากนั้นมีการธุดงค์ เรื่อยมาจนปี พ.ศ. ๒๔๙๗  โยมแม่และโยมพี่ชายไปนิมนต์กลับมาที่เดิมเพื่อโปรดญาติโยม

เจดีย์อัฐิหลวงปู่ชา
เดือน ๔  ขึ้น ๔ ค่ำ ปีมะเส็ง  ตรงกับวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗  หลวงพ่อชา เดินธุดงค์มาถึงดงป่าพงและได้ปลักกลด อยู่ท้ายดงป่าพง เรื่อยมา จนได้รับอนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖  ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง และวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ พระโพธิญาณเถร ในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๗  ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงพ่อชา สุภทฺโท ได้อุทิศชีวิต เพื่อการปฏิบัติธรรมและเผยแผ่พุทธศาสนา ทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งบังเกิด คุณประโยชน์อเนกอนันต์แก่พระศาสนา

คราหนึ่ง ที่ หลวงพ่อชา เดินทางไปเผยแผ่พุทธธรรมที่ต่างประเทศ ชาวอังกฤษบางคนเรียนถาม หลวงพ่อว่า "ชีวิตของพระเป็นอย่างไร?... ทำไมชาวบ้านถึงได้เลี้ยงดู โดยที่พระไม่ได้ทำอะไร?" หลวงพ่อตอบแบบอุปมาว่า...

"...ถึงบอกให้ก็ไม่รู้หรอก มันเหมือนกับนกที่อยากรู้เรื่องของปลาในน้ำ ถึงปลาบอก ความจริงว่า อยู่ในน้ำเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้ ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา"

พวกเขาเหล่านั้นพอใจในคำตอบของหลวงพ่อมาก หลังจากกลับสู่เมืองไทยแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ หลวงพ่อจึงได้รับหนังสือจาก สำนักข่าว BBC แห่งประเทศอังกฤษ ติดต่อขอเข้าถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับพุทธศาสนาที่วัดหนองป่าพง ตอนท้ายของหนังสือติดต่อฉบับนั้น มีข้อความอยู่ประโยคหนึ่ง ซึ่งเขาเน้นว่า "หวังว่าท่านอาจารย์ คงจะเป็นปลาที่เห็นประโยชน์ (เกื้อกูล) แก่นก"

ในต้นเดือนตุลาคมปี พ.ศ. ๒๕๒๐  มีการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดี เกี่ยวกับชีวิต ข้อวัตรปฏิบัติ และกิจวัตรประจำวันของพระกรรมฐานที่วัดหนองป่าพง มาเป็นหนังสารคดีเรื่อง "The Mildful Way"

อัฐิธาตุหลวงปู่ชา
เมื่อครั้งที่ หลวงพ่อชา ไปเทศน์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา  หลังจากที่ท่านเทศน์จบ มีชาวอเมริกันถามท่านว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เมืองแห่งศาสนา แล้ว ทำไมยังมีขโมยอยู่อีก?  หลวงพ่อท่านก็ตอบว่า เรื่องการมีขโมยนั้น เป็นเรื่องของคน ไม่ใช่ศาสนา  คนสอนศาสนา (พระ) และศาสนา ไม่ได้สอนให้ขโมย และห้ามขโมย ทั้งยังบัญญัติไว้ว่า การขโมย เป็นบาป  แต่คนที่ทำนะ มันไม่เอาไปปฏิบัติ  😃  หลังจากตอบเสร็จ หลวงพ่อชา ก็ถามกลับกับญาติโยม ชาวอเมริกัน ว่า  ที่ประเทศอเมริกา มีขโมย ไหมครับ?  ปรากฎว่า ไม่มีผู้ใดตอบ ....

ธรรมะที่หลวงพ่อชา มีกล่าวไว้ เช่น "เมื่อคนเราสอดมือลงไปในรู จนสุดมือแล้วก็ยังไม่ถึงก้นรู  คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่ารูมันลึก แต่แทบจะไม่มีเลย ที่จะบอกว่าแขนตนเองนั้นสั้น"  นั่นหมายความถึง คนเราส่วนใหญ่มักจะไม่พิจารณาที่ตนเอง แต่จะกล่าวถึงแต่สิ่งรอบตัว

หรือ ในการปลูกต้นไม้ นั้น  เราสามารถที่จะเตรียมสถานที่ปลูก เตรียมดิน เตรียมปุ๋ย พรวนดิน ให้น้ำ จัดแสงให้พอเหมาะ จัดระยะห่างต่างๆ ได้  นั่นเป็นสิ่งที่เราทำได้  แต่การที่ต้นไม้จะโต หรือไม่ โตขึ้นเมื่อไร  นั่นเป็นเรื่องของต้นไม้  นั่นหมายความว่า การที่ใจเราเร่งอยากให้ต้นไม้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ก็ย่อมจะเป็นทุกข์

หรือ "คนเราแสวงหาบุญกันมาก แต่ทำไมยังเดือดร้อน เพราะอะไรเล่า?  ก็ยังเหลืออีกซีกนึง คือ การละบาป ซึ่งเป็นซีกที่สำคัญ เหมือนพื้นที่ปลูกบ้านทำให้สะอาด  บ้านก็จะทรงตัวอยู่ได้  เขี่ยบาปออกก่อนแล้วตั้งบุญ บุญก็จะตั้งอยู่ได้  อย่าง ผ้าเช็ดเท้าของเรา มันสกปรก แต่เห็นสีสวยๆ ก็อยากมาย้อม ก็ซื้อมาย้อม แต่ไม่ฟอกหรือไม่ซักมัน เอาทั้งสกปรกไปย้อมสีแล้ว มันจะสวยไหม?  นี่ก็เหมือนกัน ทำบุญก็จริง แต่ไม่ค่อยละบาป มันไม่หมดหัวตอมัน มันถึงยังมีความเดือดร้อน"

มองจากเจดีย์อัฐิหลวงปู่ชา

หลังจากเข้าไปกราบสักการะเสร็จแล้ว ก่อนกลับ สังเกตุใบไม้ร่วงมากพอสมควร และเห็นมีไม้กวาดจัดเก็บอยู่ในบริเวณนั้น ก็เหมาะแก่โอกาส หยิบมากวาดซะเลย 😄   พอสะอาดขึ้นบ้างก็เดินทางกลับ  โดยมีจุดหมายต่อไป ที่ วัดพระธาตุหนองบัว 




พิกัด GPS  วัดหนองป่าพง  จังหวัดอุบลราชธานี  :     15.158971, 104.828547

แผนที่  วัดหนองป่าพง  จังหวัดอุบลราชธานี  



การเดินทาง

ออกจากกรุงเทพฯ ทางด้านถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร หรือทางหลวงหมายเลข ๙ มาที่บางปะอิน หรือใช้ทางถนนพหลโยธินมาจากรังสิต มุ่งหน้าเข้าพื้นที่จังหวัดสระบุรี จากนั้นก่อนเข้าตัวเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนทางหลวงหมายเลข ๒ (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าไปทาง นครราชสีมา  ขับเรื่อยมา ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร ขึ้นสะพานโค้งขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๔  ขับต่อไปอีก ๓๓๐ กิโลเมตร (ผ่านพื้นที่ จังหวัด บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ)  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ทางหลวงหมายเลข ๒๐๘๕  ไป ๑๑.๕ กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๑๗๘ ไป ๔๑ กิโลเมตร เลี้ยวซ้าย เข้าไปทางหลวงชนบท ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร ก็จะถึงวัดหนองป่าพง

ขอบคุณ  ครับ  😄


ไหว้พระ ๙ วัด จังหวัดอุบลราชธานี 

วัดที่ ๑ วัดหนองป่าพง
วัดที่ ๒ วัดพระธาตุหนองบัว
วัดที่ ๓ วัดสระประสานสุข
วัดที่ ๔ วัดศรีอุบลรัตนาราม
วัดที่ ๕ วัดทุ่งศรีเมือง
วัดที่ ๖ วัดใต้ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
วัดที่ ๗ วัดมหาวนาราม
วัดที่ ๘ วัดถ้ำคูหาสวรรค์
วัดที่ ๙ วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว

สำหรับท่านที่ สนใจหาที่พักใน จังหวัดอุบลธานี  สามารถกดดูรายละเอียดที่  ลิงค์นี้  หรือ  ลิงค์นี้  ก็ได้ ครับ  (กรณีต้องการลงอำเภอ สามารถระบุใหม่ได้ ครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น