เที่ยวไหนดี? ... วัดปัญญานันทาราม ชั้นพุทธบารมี (ห้องภาพ ๓ มิติ) 😀
วัดปัญญานันทาราม ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
หลังจากที่ได้เยี่ยมชม เจดีย์พุทธคยา (จำลอง) เรียบร้อยแล้ว จึงเดินมาที่ห้องภาพวาด ๓ มิติ ซึ่งอยู่ใต้องค์เจดีย์ ทางเข้า จะอยู่ด้านหลัง ซึ่งจะเป็นที่จอดรถ เริ่มที่ ชั้นพุทธบารมี สำหรับ ชั้นพุทธบารมี คือ ห้องชั้นล่างของพุทธมหาเจดีย์ อันเป็นนัยสื่อแทนพระนิพพาน ในส่วนนี้เป็นที่รวมแห่งกุศลกรรมความดีทั้งปวง เป็นที่จัดแสดงศิลปะ ภาพปริศนาธรรม และเป็นโรงมหรสพทางวิญญาณ ภายในประกอบด้วยห้อง ๓ ชั้น อันเป็นปริวัฎฎ์ (บรรจบกันโดยรอบ) ได้แก่
๑. ห้องชั้นนอก เรียกว่า "ห้องศรัทธา"
ศรัทธา ตามความหมายในพระพุทธศาสนา จะหมายถึง ความเชื่อ, ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล มี ๔ ประการ คือ
ศรัทธาที่ ๑. กัมมสัทธา เป็นความเชื่อในเรื่องของกรรม, เชื่อในกฎแห่งกรรม, เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่าเมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งๆ ที่ตนเองรู้ ย่อมเกิดเป็นกรรม คือ เป็นความชั่วหรือความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดี หรือผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่าและเชื่อว่าการกระทำจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่ด้วยการอ้อนวอนต่อสิ่งใด หรือการรอคอยโชค วาสนา เป็นต้น
ศรัทธาที่ ๒ วิปากสัทธา เป็นความเชื่อในวิบาก, เชื่อเรื่องผลของกรรม, เชื่อว่ากรรมส่งผลมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ได้กระทำแล้วต้องมีผล และผลที่เกิดขึ้นย่อมต้องมีเหตุ กรรมดีจะทำให้เกิดผลดี กรรมชั่วจะทำให้เกิดผลชั่ว
ศรัทธาที่ ๓ กัมมัสสกตาสัทธา เป็นความเชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน, เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของกรรม และจะต้องรับผิดชอบผลกรรมของตน
ศรัทธาที่ ๔ ตถาคตโพธิสัทธา เป็นความเชื่อในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า, มั่นใจในองค์พระพุทธองค์ ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณ ๙ ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์คือตัวเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงธรรมอันสูงสุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง
๑. ห้องชั้นนอก เรียกว่า "ห้องศรัทธา"
ศรัทธา ตามความหมายในพระพุทธศาสนา จะหมายถึง ความเชื่อ, ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล มี ๔ ประการ คือ
![]() |
ภาพแรกเมื่อผ่านเข้าประตู |
ศรัทธาที่ ๑. กัมมสัทธา เป็นความเชื่อในเรื่องของกรรม, เชื่อในกฎแห่งกรรม, เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่าเมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งๆ ที่ตนเองรู้ ย่อมเกิดเป็นกรรม คือ เป็นความชั่วหรือความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดี หรือผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่าและเชื่อว่าการกระทำจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่ด้วยการอ้อนวอนต่อสิ่งใด หรือการรอคอยโชค วาสนา เป็นต้น
ศรัทธาที่ ๒ วิปากสัทธา เป็นความเชื่อในวิบาก, เชื่อเรื่องผลของกรรม, เชื่อว่ากรรมส่งผลมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ได้กระทำแล้วต้องมีผล และผลที่เกิดขึ้นย่อมต้องมีเหตุ กรรมดีจะทำให้เกิดผลดี กรรมชั่วจะทำให้เกิดผลชั่ว
ศรัทธาที่ ๓ กัมมัสสกตาสัทธา เป็นความเชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน, เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของกรรม และจะต้องรับผิดชอบผลกรรมของตน
ศรัทธาที่ ๔ ตถาคตโพธิสัทธา เป็นความเชื่อในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า, มั่นใจในองค์พระพุทธองค์ ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณ ๙ ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์คือตัวเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงธรรมอันสูงสุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง
ทุกภาพเป็นแนว ภาพ ๓ มิติ สามารถถ่าย เซลฟี่ ตามมุมและรูปที่ตัวเราชอบได้เลย ครับ
๒. ห้องชั้นกลาง เรียกว่า "ห้องปัญญา"
ปัญญา ในพุทธศาสนา หมายถึง ความรู้ทั่ว คือรู้ทั่วถึงเหตุถึงผล รู้อย่างชัดเจน, รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ, รู้สิ่งที่ควรทำควรงดเว้น เป็นต้น เป็นธรรมที่คอยกำกับศรัทธา เพื่อให้สิ่งที่เชื่อจะต้องประกอบด้วยเหตุผล จะทำให้ไม่หลงเชื่ออย่างงมงาย
๓. ห้องชั้นใน เรียกว่า "ห้องวิมุตติ"
วิมุตติ ในศาสนาพุทธ หมายถึงความหลุดพ้น บางคัมภีร์ จำแนกเป็น ๕ อย่าง แต่ขอสรุปย่อเหลือ ๒ ประเภท คือ
๑. เจโตวิมุตติ เป็น ความหลุดพ้นแห่งจิต, ความหลุดพ้นด้วยอำนาจจากการฝึกจิต, ความหลุดพ้นของจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ
๒. ปัญญาวิมุตติ เป็น ความหลุดพ้นด้วยปัญญา, ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา, ความหลุดพ้นแห่งจิต จากอวิชชา (ความไม่รู้) ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง
๑. เจโตวิมุตติ เป็น ความหลุดพ้นแห่งจิต, ความหลุดพ้นด้วยอำนาจจากการฝึกจิต, ความหลุดพ้นของจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ
๒. ปัญญาวิมุตติ เป็น ความหลุดพ้นด้วยปัญญา, ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา, ความหลุดพ้นแห่งจิต จากอวิชชา (ความไม่รู้) ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง
ปฏิญญาว่าตรัสรู้อริยสัจ ๔ ปริวัฎฎ์สาม (ญาณ ๓) มีอาการ ๑๒
อริยสัจจ์ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ มีดังนี้
อริยสัจจ์ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ มีดังนี้
๑. ทุกข์ หมายถึง ความทุกข์, สภาพที่ทนได้ยาก, สภาวะที่บีบคั้น ขัดแย้ง บกพร่อง ได้แก่ ชาติ ชรา มรณะ การประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความไม่สมหวังดังที่ตนปราถนา
๓. นิโรธ หมายถึง ความดับทุกข์ ได้แก่ ภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไป, ภาวะที่เข้าถึงเมื่อกำจัดอวิชชา การหลุดพ้น ความสงบ ความปลอดโปร่ง ความเป็นอิสระ คือนิพพาน
๔. มรรค หมายถึง ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ซึ่งเป็นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) มี ๘ ข้อ สรุปโดยย่อ เป็น ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ญาณ 3 คือ ความหยั่งรู้ มีดังนี้
๑. สัจจญาณ เป็นความหยั่งรู้อริยสัจ ๔ แต่ละอย่างตามที่เป็น ว่า นี้คือทุกข์ นี้คือสมุทัย นี้คือนิโรธ นี้คือมรรค
๒. กิจจญาณ เป็นความหยั่งรู้กิจอันจะต้องทำในอริยสัจ ๔ แต่ละอย่างว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ สมุทัยควรละเสีย นิโรธควรทำให้แจัง มรรคควรเจริญปฎิบัติ
๓. กตญาณ เป็นความหยั่งรู้ว่า กิจอันจะต้องทำในอริยสัจ ๔ แต่ละอย่างนั้นได้ทำสำเร็จลุล่วงแล้ว
ปริวัฏฏ์ หรือวนรอบ ๓ เป็นไปในอริยสัจ ๔ รวมเป็น ๑๒ จึงได้ชื่อว่ามีอาการ ๑๒
พระผู้มีพระภาคทรงมีญาณทัสสนะตามเป็นจริงในอริยสัจ ๔ ครบวนรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ (ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ยถาภูตํ ญาณทสฺสนํ)แล้ว จึงปฏิญาณพระองค์ได้ว่าทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ขอบคุณที่ติดตาม ครับ 😄
อ่านต่อ : วัดปัญญานันทาราม เจดีย์พุทธคยาจำลอง
อ่านต่อ : วัดปัญญานันทาราม โบสถ์ และการปฏิบัติธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น