เที่ยวไหนดี? ... น่าน อ.เมือง ไหว้พระ ๙ วัด ๗ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

เที่ยวไหนดี? ...  น่าน อ.เมือง ไหว้พระ ๙ วัด   ๗ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร  😀 


สุดปลายถนน ที่ข่วงเมืองน่าน เป็นสี่แยกตัดกันระหว่างถนนผากองกับถนนสุริยพงษ์ อยู่เยื้องฝั่งขวาของวัดภูมินทร์    หลังจากที่วัดภูมินทร์ปิด (ประมาณ ๑ ทุ่ม ๔๐ นาที)  ก็มาลุ้นกันว่า วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารนี้ จะปิดหรือไม่ จึงตัดสินใจข้ามไป  ก็พบว่า วัดยังคงเปิดให้ประชาขนเข้าสักการะได้   วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารนี้   ตั้งอยู่ที่ ๘๙   มหาพรหม ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน  อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน  (อยู่ฝั่งขวาของวัด เมื่อตัวเรายืนหันหน้าออกประตูวัด)   แต่เดิม วัดชื่อ  วัดกลางเวียง สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๔๙ โดยเจ้าผู้ครองนครน่าน รัขสมัยพญาภูเข่ง (พ.ศ. ๑๙๔๙-๑๙๖๐) กษัตริย์น่าน ในราชวงศ์ภูคา ลำดับที่ ๑๓  เป็นยุคที่อาณาจักรน่านรุ่งเรือง

วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

เมื่อเดินเข้าไป จะพบพระวิหารทางเบื้องหน้า และหอธรรมล้านนา-หอพระไตรปิฏกทางด้านขวามือ  พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ สร้างขึ้นตามหลักสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ ด้านหน้าพระวิหาร มีสิงห์คู่ซ้ายและขวา  ยืนตรงเชิงบันได  มีทางเข้า ๓ ทาง  ประตูกลางเป็นประตูใหญ่ และประตูด้านซ้ายและขวาเป็นประตูเล็ก มีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธาน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก ๒ ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น มุขลดด้านหน้า และด้านหลัง หน้าบัน ตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกัน แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้น ตามลักษณะ สถาปัตยกรรมล้านนาไทย ภายในพระวิหารกว้าง โล่ง โปร่ง  มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่   จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร ๑.๕๐  เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย เหมือนลวดลาย ที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์

พระวิหารหลวง และ  หอธรรมล้านนา-หอพระไตรปิฏก


ประตูใหญ่ (ประตูกลาง)

พระประธานในวิหารหลวง

พระประธานในวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นในราวครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ลักษณะพระเศรียร โดยรวมทั้งหมด คล้ายกับพระพุทธรูปปางมารวิชัยในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน จนอาจจะ สันนิษฐานได้ว่าสร้างขึ้นโดยฝีมือช่างกลุ่มเดียวกัน   มีส่วนที่แตกต่างออกไปคือ ส่วนพระวรกาย เปลวรัศมี และ ชายจีวร  ที่มีลักษณะการได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย

หลังจากสักการะพระประธาน แล้ว ก็ไปที่อาคารข้างๆ คือ หอธรรมล้านนา-หอพระไตรปิฏก เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมนี (พระพุทธรูปปางลีลา)  ลักษณะของหอพระไตรปิฎก เป็นอาคารก่ออิฐโบกปูนยกพื้นสูง มีสิงห์ยืนอยู่ด้านหน้า ตรงเชิงบันใดด้านละ ๑ ตัว ตั้งเสารับหลังคาเชิงชายแทนผนัง และก่อผนังปิด ทำเป็นห้องไว้พระธรรม และพระไตรปิฏก ตรงแนวเสาที่รับคาน มีทางเข้าด้านหน้าเป็นประตูทางเดียว บานประตูสลักเป็นรูปเทวดา ๒ องค์ และมีลายปูนปั้น เป็นรูปยอดปราสาท ทำเป็นชั้นติดหน้าต่างด้านละ ๓ บาน ผนังด้านหลังปิดทึบ ด้านนอกสองข้างทาง ระหว่างเสารายและผนัง เป็นทางเดินถึงกันได้ตลอดโดยรอบ อาคารสูงหลังคาช้อน ๓ ชั้น ไม่มีมุขลด ที่หน้าบัน ใช้แผ่นไม้เรียงต่อกัน เป็นแผ่นๆ ประดับลายปูนปั้น เป็นรูปกนกล้อพระยาครุฑ ระหว่างช่วงเสาประดับด้วยแผ่นไม้จำหลัก ลายกนก เป็นรูปสามเหลี่ยม สลับลายพุ่มข้าวบิณฑ์คว่ำ และรูปพระยาครุฑห้อยลงมาตามแบบสถาปัตยกรรมของล้านนา ภายในมีลักษณะส่วนกว้างแคบ ส่วนยาวลึก เข้าไปภายใน และส่วนสูงชะลูดขึ้นไปมาก ใช้เป็นที่เก็บ พระไตรปิฏก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบลาน จารอักษรตัวธรรมมีอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นวิหาร

ทางเข้าหอธรรมล้านนา-หอพระดตรปิฏก

พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี เป็นพระพุทธรูปปางลีลา มีเนื้อทองคำ ๖๕ %  ความสูงขององค์พระ ๑๔๕ เซ็นติเมตร  สร้างเมื่อวันพุธ เดือน ๖ เหนือ พ.ศ. ๑๙๖๙  สร้างโดยพญางั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งเป็นยุคสมัยอาณาจักรน่าน รุ่งเรืองปกครองตนเอง  (พ.ศ. ๑๙๖๙-๑๙๗๖)  ภายหลังได้มีการทำยอดพระโมฬ เสริมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ หนัก ๔๙ บาท

พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี

เมื่อเดินไปด้านหลังหอธรรมล้านนา-หอพระไตรปิฏก จะเห็นพระธาตุช้างค้ำ ในยามค่ำคืน  องค์เจดีย์พระธาตุช้างค้ำ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบสุโขทัย ลักษณะมาจากเจดีย์ทรงลังกา พระธาตุเจดีย์ สร้างแบบก่ออิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ซ้อนกัน ๓ ชั้น กว้างด้านละ  ๙ วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง มีรูปปั้นช้างปูนปั้น โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน (แบบครึ่งตัว) ประดับอยู่โดยรอบ เหมือนเป็นฐานรองรับในลักษณะค้ำองค์เจดีย์ มีด้านละ ๖ เชือก รวมทั้งสิ้น ๒๔ เชือก ช้างแต่ละตัว  เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน ๓ ชั้น และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆัง ทำเป็นฐานเขียง รองรับมาลัยลูกแก้ว ลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด    พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม เรื่อยมา จนปัจจุบัน มีการหุ้มองค์เจดีย์ด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ 

องค์เจดีย์พระธาตุช้างค้ำ (ยามค่ำคืน)

ออกจากวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร แล้วก็เดินเข้าสู่ถนนคนเดินกลางคืน วัดภูมินทร์ ต่อ เพื่อที่จะเดินทางกลับ ระหว่างการเดินทางไปขึ้นรถ เห็นลานใน ช่วงเมืองน่าน เริ่มว่าง จะเริ่ม ดินเนอร์ ในบรรยากาศเมืองน่าน ในค่ำคืนนี้ ครับ 😄  หลังจากเสร็จภารกิจต่างๆ  ก็เดินทางกลับไป โรงแรมสบายน่าน เพื่อที่จะเตรียมตัว ออกเดินทางไป ดอยเสมอดาว ในเช้าวันพรุ่งนี้ ใจก็อยากจะเห็นทะเลหมอก และที่ดอยเสมอดาวนี้ ก็เป็นเพียงจุดเดียวในเมืองน่าน จะเห็นทะเลหมอกได้ง่ายที่สุด  คงต้องลุ้นครับ เพราะการจะมีทะเลหมอก ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายๆอย่าง ของสภาพอากาศ  ที่แน่ๆ  คือ ต้องมีความชื้นสูงพอสมควร จึงจะเกิดได้ ครับ

พิกัด GPS วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร :   18.776332, 100.772140

แผนที่วัดช้างค้ำวรวิหาร :  




ขอบคุณ  ครับ  😄


สำหรับท่านที่ สนใจจะจองที่พักในจังหวัดน่าน  สามารถกดดูรายละเอียดที่  ลิงค์นี้  หรือ  ลิงค์นี้  ก็ได้ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น