เที่ยวไหนดี ? ... ทริปภูลมโล ภูเรือ ๓วัน ๒คืน (วัดเนรมิตวิปัสสนา)

เที่ยวไหนดี? ... ทริปภูลมโล ภูเรือ ๓วัน ๒คืน  😀

วัดเนรมิตวิปัสสนา ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

การเดินทาง  ออกจากชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวกกสะทอน ที่ใช้บริการรถนำเที่ยวขึ้นภูลมโล (ที่ทำการอบต. กกสะทอน) เลี้ยวขวา ขับตามเส้นทางไป ๑๑ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข ๒๐๔๑ ไปอีก ๒๕.๕ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอด่านซ้าย ประมาณ ๘๕๐ เมตร จะเห็นประตูวัดทางซ้ายมือ



ประตูทางเข้าวัด จากถนนใหญ่

พิกัด GPS : 17.263506, 101.142233


แผนที่




ประวัติวัด


เย็นวันหนึ่ง ของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑  เป็นเวลาออกพรรษา ขณะนั้น พระครูภาวนาวิสุทธิญาณหรือหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ จำพรรษาอยู่ที่วัดจำปา บ้านหนองเหล็ก ตำบลหนองบัวทอง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ (บ้านเกิดท่าน) ได้ปรารภในที่ประชุมสงฆ์ ว่า ท่านจะออกเดินธุดงค์เดินทางไปเรื่อยๆ จะไม่พำนักเป็นหลักเเหล่งถาวร ที่ประชุม มีความเห็นพ้องต้องกันว่า หลวงพ่อมีอายุมาก อยากจะให้ท่านมีที่พำนักถาวรเพื่อจะได้เป็นที่พึ่งอาศัยเป็นเนื้อนาบุญแก่บรรดาศิษย์และญาติโยมทั้งหลาย หลวงพ่อท่านก็เห็นชอบด้วย

ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๒  หลวงพ่อท่านเป็นประธาน ออกเดินธุดงค์พร้อมด้วยคณะสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ร่วมเดินทางจากวัดจำปา มาพำนักที่ วัดบ้านโพนสูง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ๑ เดือน และที่อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ พำนักอยู่บ้านวังทรายทอง ตำบลวังโป่ง อำเภอชนแดนประมาณ ๗ วัน หลังจากนั้น มาถึง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พำนักอยู่ที่ พระธาตุศรีสองรัก เป็นเวลา ๓ เดือน ระหว่างนั้น หลวงพ่อได้ตัดสินใจหาสถานที่ให้เป็นหลักแหล่งมั่นคงถาวร ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้ถวายที่ดินให้ท่านหลายแห่งหลายแปลงให้ท่านเลือก  ท่านได้เลือกเอาบริเวณ "ภูเปือย" เป็นสถานที่ตั้งวัด (ที่วัดในปัจจุบัน) ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒  หลวงพ่อพร้อมคณะได้ขึ้นมาพำนักปักกลดอยู่ ณ ที่ตั้งวัดปัจจุบัน จากนั้นก็เริ่มมีการปรับพื้นที่ปลูกสร้างถาวรวัตถุมาตามกำลังศรัทธาญาติโยมศิษยานุศิษย์ยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธา เรื่อยมา จนเป็นรูปแบบโครงการที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สถานที่ตั้งวัดนั้นเดิม เป็นเขตป่าสงวน มีนายอ๊อดเป็นผู้ถือครอง ทำไร่เผาถ่านจนเป็นที่โล่งเตียน เมื่อตั้งวัดขึ้นจึงทำการปลูกป่าอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด  ปัจจุบันจึงเห็นป่ามีสภาพหนาแน่น รกทึบ ร่มรื่น

หลวงพ่อท่านได้มอบหมายให้คุณแม่เพ็ญศิลป์ โรจนแพทย์ เป็นผู้ขออนุญาตให้ใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งวัด

"วัดหัวนายูง"  เป็นชื่อวัดแต่เดิมมา ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดจากกรมศาสนา เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๕  ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๙   ภายหลังเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดเนรมิตวิปัสสนา"  ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙  วัดเนรมิตวิปัสสนาเป็นวัดในสังกัดมหานิกาย

พระครูภาสนาวิสุทธิญาณได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐  ปัจจุบันสังขารของท่านยังคงเก็บรักษาไว้อยู่ในมณฑปในสภาพที่ไม่เน่าเปื่อย พร้อมทั้งอัฐบริขารของท่าน เพื่อให้บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้มากราบไหว้บูชา

ท่านพระครูภาวนาวิสุทธาภรณ์  เป็น เจ้าอาวาสรูปปัจุบัน สานต่อในเจตนารมณ์เดิมของหลวงพ่อ

วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งอยู่ในตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ห่างจากพระธาตุศรีสองรัก ประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร

เดินจากที่จอดรถมาถึงประตูที่จะเข้าไปโบสถ์

เนื้อที่ของวัดมีทั้งหมด ๒๐ ไร่  ทิศเหนือติดถนนด่านซ้าย นครไทย  ทิศตะวันออกติดป่าไม้ริมเหว  ทิศตะวันตกติดป่าไม้ริมฝั่งแม่น้ำหมัน  ทิศใต้ติดกับป่าไม้ริมเหว

พระอุโบสถหลังใหญ่และเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมสวยงามตามศิลปะภาคกลางที่สร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง สำหรับพระอุโบสถศิลาแลงนับเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  ภายในมีภาพจิตรกรรมประดับโดยรอบ และมีองค์มีพระพุทธชินราชจำลอง (จำลองแบบมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาุตุ จังหวัดพิษณุโลก) เป็นพระประธาน และมี หุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ

พื้นที่ภายนอกโดยรอบมี การจัด แต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม และ ต้นสาละ เป็นต้นไม้สำคัญทางพุทธศาสนา เนื่องจาก พระพุทธเจ้าทรงประสูติใต้ต้นสาละ

การจัดสวนโดยรอบ มณฑป และโบสถ์ด้านข้าง

พระอุโบสถวัดเนรมิตวิปัสสนา 

พระอุโบสถ

ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประกอบด้วยคานคอดิน อุโบสถเป็นลักษณะแบบทรงไทย ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงด้วย กระเบื้องเซรามิก ฝาผนังเป็นศิลาแลงที่นำมาจากจังหวัดลำพูนและจังหวัดปราจีนบุรี พื้นของอุโบสถปู ด้วยหิน แกรนิตสีชมพูจากแหล่งหินแกรนิตในจังหวัดเลย ประตูหน้าต่างเป็นไม้มะค่าแผ่นเดียว

ภาพจิตรกรรม ฝั่งขวา และ ซ้ายของโบสถ์


พระพุทธชินราช พระประธาน (ถ่ายแบบพาโนรามาแนวตั้ง)

พระพุทธชินราช (จำลอง)

ภายในโบสถ์จะพบ กับความงดงามขององค์พระพุทธชินราช (จำลอง), ภาพจิตรกรรมฝาผนังลวดลายอ่อนช้อยด้วยศิลปะ ของช่างเขียนชาว ด่านซ้าย ซึ่งใช้เวลาวาดนานถึง ๘ ปี เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ ภาพพระเวสสันดรชาดก และภาพทศชาติ รวมทั้งมี พระพุทธรูปปางนาคปรก พระแก้วมรกต รูปเหมือนหลวงพ่อโต

ภาพจิตรกรรม ที่ประตูทางเข้าโบสถ์ เมื่อมองจากด้านในโบสถ์ออกไปด้านนอก
หน้าต่างและเสมา โบสถ์

ภาพด้านหลังโบสถ์ มุมมองจากด้านหน้า มณฑป

บริเวณโดยรอบ ด้านข้างโบสถ์
ความงดงามของศิลปะ หน้าต่างโบสถ์

มณฑปพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ

เป็นมณฑปที่สร้างด้วยศิลาแลง ที่มณฑป มีสังขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ หรือพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ ซึ่งเป็นผู้ร่วมกับพุทธศาสนิกชนร่วมกันสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น 

มณฑปพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ

ประวัติพระครูภาวนาวิสุทธิญาณ

อดีตรองเจ้าคณะอำเภอด่านซ้ายเจ้าอาวาสวัดเนรมิตวิปัสสนา

นามเดิมชื่อ พันธุ์ สุขเป็ง เกิดวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ตรงกับวันพุธขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา ณบ้านหนองเหล็ก ตำบลหนองบัวทอง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

บิตาชื่อ "แก่น" มารดาชื่อ "บุญมา" มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวมทั้งหมด ๑๐ คน ชาย ๘ คน หญิง ๒ คนท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ ครอบครัวอาชีพทำนา

อุปสมบทวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ . ๒๔๘๗ อายุ ๒๓ ปี ณ วัดเหนือ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

พระอธิการเปล่ง เป็นพระอุปัชฌาย์  พระอธิการเที่ยง เป็นพระกรรมวาจาจารย์  พระนูเป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้ฉายาว่า "สีลวิสุทโธ" เมื่ออุปสมบทแล้วมาจำพรรษาที่วัดจำปา (บ้านเกิด)

หลวงพ่อไม่ได้เข้าโรงเรียน (ไม่มีโรงเรียนให้เรียน) ท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้จนกระทั่งอุปสมบทจึงได้เรียนภาษาไทย ท่านเรียนรู้เพียงเดือนเดียวก็อ่านออก และเขียนได้ทั้งหมด  นอกจากภาษาไทย ท่านยังเรียนภาษาลาว ส่วย ขอมและภาษาเขมรได้อีกด้วย  ครูคนแรกที่สอนท่านคือ ท่านพระอาจารย์อ่อนศรี เจ้าอาวาสวัดจำปา นั่นเอง  นอกจากนี้ท่านหลวงพ่อยังมีความสามารถทางด้านสถาปัต วิศวะ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา เกษตรกรรม ฯลฯ  ทางด้านพระธรรมวินัยท่านเรียนบาลีไวยากรณ์ มูลกัจน์จาย  สอบได้นักธรรมโทเปรียญธรรม ๔ ประโยค   แล้วท่านก็เป็นอาจารย์สอนบาลีและนักธรรมในเวลาต่อมา   ทางด้านวิปัสสนากรรมฐานท่านปฏิบัติแบบเข้มเอาจริงเอาจังอยู่ ๓ เดือนก็สามารถนั่งสมาธิและ ๗ วัน ๘ คืน  พระอาจารย์ที่สอนวิปัสสนาแก่ท่านคือท่านพระครูสังวรสมาธิวัตร (ประเดิม โกมโล) เจ้าอาวาสวัดเพลงวิปัสสนา กรุงเทพมหานคร

หลวงพ่อมหาพันธ์ ท่านธุดงค์ไปในที่ต่างๆ หลายแห่งเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี โดยไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านเช่น ไปที่ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครราชสีมา อยุธยา ลพบุรี กรุงเทพฯ ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ฯลฯ  บางแห่งก็อยู่นานหลายปีบางแห่งก็อยู่เพียง ๒ ปีตามแต่อัธยาศัย ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ท่านเข้ากรุงเทพฯพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดเพลงวิปัสสนาเป็นเวลา ๓ ปี  (๒ ปีหลังเป็นพระวิปัสสนาจารย์)

ท่านเป็นพระนักพัฒนาทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ ท่านเป็นพระที่นั่งเฉยไม่เป็น ท่านเป็นผู้รักงานมากพยายามทำงานจนสุดความสามารถ เพื่อจะให้ผลงานออกมาดีที่สุด ไม่เคยเห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากใดๆ ทั้งสิ้น  มุ่งแต่การทำงานให้บรรลุประโยชน์สูงสุดเพื่อความวัฒนาสถาพรของบวรพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ

ทางด้านปฎิบัติ ท่านเป็นวิปัสสนาจาย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านสามารถบรรยายธรรมชั้นสูง ให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายไม่ผิดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์  หลวงพ่อมหาพันธ์ท่านเป็นผู้มีศีลบริสุทธ์ ท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมสูงมาก ชอบให้ทาน เสียสละ สงเคราะห์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารีย์ ท่านเป็นผู้ไม่โกรธ มีแต่ความเมตตาสงสารและเป็นผู้ยินดีตามมีตามได้ในปัจจัย ๔

หลวงพ่อท่านถืออภัยเป็นที่ตั้ง ท่านเป็นผู้มีปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวชอย่างกว้างขวาง ลึกซึ้งมีสติปัญญา ประครองการปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ไม่ประมาท จึงได้ชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญอันแท้จริง ในอริยธรรมอันประเสริฐ ผู้ควรแก่การเคารพ สักการะ บูชา เป็นอย่างยิ่ง


ภายในมณฑป มีสังขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อ

หลังจาก สักการะ เรียบร้อยแล้ว  หากไม่ไปที่ พระธาตุศรีสองรัก ซึ่งอยู่ใกล้กัน คงไม่ได้ ครับ

ประตูวัด ขาออก ลักษณะจะไม่เหมือนกับทางเข้า

ขอบคุณที่ติดตามครับ 😄

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น