เที่ยวไหนดี? ... ทริปภูลมโล ภูเรือ ๓วัน ๒คืน (วัดป่าห้วยลาด ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย)

เที่ยวไหนดี? ... ทริปภูลมโล ภูเรือ ๓วัน ๒คืน  😀

วัดป่าห้วยลาด ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

ในเวลาใกล้เที่ยงวัน วันอาทิตย์ ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐  ผมออกจาก วรัญญารีสอร์ท  เลี้ยวขวาเล็กน้อยแล้วเลี้ยวซ้าย ออกทางเส้นทางถนนเข้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ  เมื่อถึงปากทาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข ๒๑ ไปอีก ๖.๔ กิโลเมตร สังเกตุป้ายวัด  เลี้ยวขวา (เป็นลักษณะเบี่ยงขวา) เข้าเส้นทางวัดป่าห้วยลาด


พิกัด GPS : 17.450048, 101.412564

แผนที่ 



ประวัติวัดป่าห้วยลาด

วัดป่าห้วยลาด ตั้งอยู่เลขที่ ๑๓๕ หมู่ ๓  ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ๔๒๑๖๐

ภาพศาลาเฉลิมพระเกียรติ มุมมองจากจุดจอดรถ ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมอยุ่

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม  ได้ออกธุดงค์มาถึงภูครั่ง  ชาวบ้านห้วยลาดมีความศรัทธาเลื่อมใส ได้อาราธนานิมนต์องค์หลวงปู่ชอบ ท่านจึงจัดตั้งสำนักสงฆ์ห้วยลาด  เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๓  เมื่อสั่งสอนธรรมให้กับชาวบ้านห้วยลาด และหมู่บ้านใกล้เคียง เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว  ท่านจึงออกธุดงค์ต่อไป

นับจากปี พ.ศ. ๒๔๘๓  ครูบาอาจารย์ พระกรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ได้มาพักเพื่อปฏิบัติธรรม จำพรรษา เป็นประจำทุกปี  เช่น  หลวงปู่ลี กุสลธโล หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต   พระอาจารย์จันเรียน คุณวโร พระอาจารย์นิพนธ์  อภิปสันโน

มุมถ่ายภาพ จากทางด้านหน้าวัด

พระอาจารย์อุทัย (ติ๊ก) ฌานุตตโม ได้ธุดงค์ผ่านมาเห็นสำนักสงฆ์ห้วยลาดเป็นที่ สัปปายะสถาน  ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม จึงดำริที่จะทำนุบำรุงให้เป็นวัดที่มั่นคง สืบต่อไป

ปี พ.ศ.  ๒๕๓๘  ได้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์ เสนาสนะสำนักสงฆ์ห้วยลาด ปลูกป่า ก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ  เช่น วิหาร เจดีย์ โรงครัว โรงทาน อ่างเก็บน้ำ กำแพงวัด ถนนบริเวณวัด และได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นวัดในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐

ท้าวสักกะเทวราช อินทรเทพ (พระอินทร์)

ขณะนั้น พระอาจารย์อุทัย ฌานุตฺตโม (ติ๊ก)  ได้ปลีกวิเวกเพื่อมาบำเพ็ญภาวนา ที่วัดป่าห้วยลาด   คืนหนึ่งขณะอยู่ในฌานสมาบัติได้นิมิตเห็นองค์เทพองค์หนึ่งยืนหันหลังไม่สวมเสื้อมีแต่สายสังวาลย์คล้องอยู่  กล่าวกับพระอาจารย์ว่าให้ช่วยสร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นศาสนสถานที่มั่นคงสืบต่อไป

ทุกครั้งที่ พระอาจารย์ติ๊ก บำเพ็ญภาวนาโดยลำพัง  ก็จะปรากฏเทพองค์นี้  กล่าวให้ท่านสร้างศาลาให้ได้พระอาจารย์ติดจึงตอบกลับไปว่า ถ้าจะให้สร้าง ก็ได้แต่ต้องให้ได้เงินมาก่อน หลังจากนั้น ๓ วัน มีชาวบ้านคนหนึ่งนำเงินจำนวนหนึ่งแสนบาท มาถวายเป็นอันว่าพระอาจารย์ติ๊ก ต้องลงมือสร้างศาลาเฉลิมพระเกียรติ ตามที่ท่านกล่าววาจากับเทพในนิมิต

เทวรูปท้าวสักกะเทวราช อินทรเทพ

ต่อมามีชาวบ้านลี้ยงวัว ได้มาบอกกับพระภิกษุที่วัดให้ไปดูจอมปลวกใกล้วัด ซึ่งได้พบเทวรูปที่ถูกจอมปลวกหุ้มไว้ทั้งองค์  พระที่วัดจึงไปที่จอมปลวกแล้วอุ้มองค์เทวรูปนั้นกลับมาทำความสะอาด  เมื่อพระลูกวัดนำเทวรูปดังกล่าว มาให้พระอาจารย์ติ๊ก เมื่อท่านเห็น จึงกล่าวว่า  เทวดาองค์นี้เอง ที่มาหาอาตมาถึงสามคืน ที่แท้ก็องค์นี้เอง

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘  ขณะนั้น กระแสองค์จตุคามรามเทพกำลังเป็นที่นิยมบูชา คณะลูกศิษย์มั่นใจว่าเทวรูปนี้ เป็นองค์เดียวกัน    จึงนำเทวรูปเข้าไปให้ท่านพระราชครูวาเทพมุณี พราหมณ์หลวงดูว่าเป็นองค์ใดแน่ จึงได้ข้อสรุปจากพราหมณ์หลวงว่า องค์เทวรูปองค์นี้ คือ "องค์พระอินทรเทพ" เพราะปรากฏสัญลักษณ์ช้างเอราวัณอันเป็นราชพาหนะของพระอินทร์ บนผ้าทิพย์ ที่ฐานองค์เทวรูป


ศาลาเฉลิมพระเกียรติ

มีลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทยประยุกต์ ๑ ชั้น ขนาด ๔๐ x ๘๐ เมตร ขนาดพื้นที่ ๓.๒๐๐ ตารางเมตร สามารถจุคนได้ประมาณ ๒,๐๐๐ คน   ซึ่งพระอาจารย์อุทัย ฌานุตฺตโม (พระอาจารย์ติ๊ก) คณะกรรมการวัดป่าห้วยลาด และประชาชน ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐

ถ่ายจากบริเวณทางเข้า

ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด ประมาณหกสิบล้านบาท ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเริ่มต้นโครงการเป็นเงิน ๒ ล้านบาท


ศาลาเฉลิมพระเกียรติ

หน้าบัน ศาลาเฉลิมพระเกียรติ
 ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตอัญเชิญ  พระปรมาภิไธย “ภ.ป.ร.”, อักษรพระนามาภิไธย “ส.ก.”, ตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ ๖๐ ปี,  ตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ประดิษฐาน ณ หน้าบัน ศาลาเฉลิมพระเกียรติ

พญานาค ๕ เศียร

ภาพมุมกว้าง  ศาลาเฉลิมพระเกียรติ

วัตถุประสงค์ของโครงการ
๑. เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในมหามงคลสมัยที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา
๒. เพื่อทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติให้สถิตสถาพรคู่กับสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์
๓. เพื่อส่งเสริมบทบาทของวัดและพระสงฆ์ ในการศึกษาธรรม  การเผยแผ่ธรรม และการช่วยเหลือประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม เช่น เป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติธรรมและจัดงานบุญใหญ่, เป็นสถานที่ในการประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการ, เป็นสถานที่สอบธรรมบาลี สนามหลวงของพระภิกษุสามเณร, เป็นศูนย์กลางเผยแพร่แนวทางการพัฒนาชุมชมแบบเศรษฐกิจพอเพียง

ระหว่างเดิน มุ่งหน้าไปที่ศาลาเฉิมพระเกียรติฯ  จะเห็นรูปปั้น ทางด้านซ้ายมือ ใกล้บ่อน้ำเป็น พญาจระเข้ ๒ ตัว ในปากตัวหนึ่ง จะมีลูกกลมๆ สีเงิน และ อีกตัวจะมีลูกกลมๆ สีทอง   สำหรับพญานาค ๕ เศียร (ทางด้านขวามือ)  ที่ฐานของพญานาค มีลักษณะเหมือนกับ กำลังออกแรงดึงกันอยู่ ๒ ฝ่าย จากลักษณะ ดังกล่าว  ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของการกวนเกษียรสมุทร ระหว่างเทพกับยักษ์ เพื่อให้ได้น้ำอมฤต มาดื่ม หากเทพหรืออสูร ตนใด ได้ดื่มก็จะมีชีวิตเป็นอมตะ ซึ่งเป็นที่มาของ ความโกรธเคืองตามตำนาน ระหว่าง ราหู กับพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ว่าถ้ามีโอกาสเมื่อใด ราหูจะทำหน้าที่บดบังแสงเรืองรองของ พระอาทิตย์และพระจันทร์ด้วยความแค้น  (การเกิดจันทรุปราคาและสุริยุปราค หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่า ราหูอมพระจันทร์และพระอาทิตย์)

ยักษ์ ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าของพญานาค ๕ เศียร

การยื้อยุดฉุด ใต้พญานาค ๕ เศียร

ด้านข้าง อีกด้านหนึ่งของพญานาค


สักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ ๙

วัตถุมงคล ภายในโบสถ์ สำหรับผู้ที่สนใจ

ก่อนออกจากศาลาเฉลิมพระเกียรติ

พระสัพพัญญูรู้แจ้ง สามแดนโลกธาตุ

พระประธานที่ประดิษฐานในศาลาเฉลิมพระเกียรติ เป็น พระพุทธรุปสีขาวบริสุทธิ์สร้างจากแร่แคลไซด์ ขนาดหน้าตัก ๒๐ เมตร สูง ๑๙ เมตร

พระสัพพัญญูรู้แจ้ง สามแดนโลกธาตุ

พระสัพพัญญูรู้แจ้ง สามแดนโลกธาตุ

ความหมายของพระนามองค์พระพุทธรูป คือ พระพุทธเจ้า ทรงไว้ซึ่งพระเมตตาคุณ พระปัญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ทรงตรัสรู้ธรรมอันวิเศษ เลิศสุดในสามแดนโลกธาตุ ได้แก่ อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ การดับทุกข์ และหนทางแห่งความดับทุกข์


รูปเหมือนพระบูรพาจารย์ ๓๒ องค์

ในปี พุ.ศ. ๒๕๕๖  ได้ดำเนินการหล่อรูปเหมือนพระเถราจารย์ และพระบูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่น รวมทั้งหมด ๓๒ องค์ มาประดิษฐาน ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว บูชาสักการะและร่วมปิดทององค์พระ

รูปหล่อพระเถราจารย์

รูปหล่อพระบูรพาจารย์

ออกจากโบสถ์ ทางด้านขวามือเป็นอาคาร สองชั้น มี รูปปั้นพญานาค ๙ เศียร ด้านหลังหัวพญานาคเป็นบ่อน้ำเล็กๆ  ด้านหน้าพญานาค มีองค์จำลององค์เล็กให้ประชาชนปิดทอง ส่วนพื้นที่ ด้านล่าง ผมไม่ได้ไป เนื่องจากเวลาไม่อำนวย ครับ

มองจากด้านหน้าโบสถ์ ก่อนลงบันได

พญานาค ๙ เศียร
 องค์อินทรเทพ จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ เมื่อลงจากโบสถ์  ลักษณะสูงใหญ่

องค์อินทรเทพ
ยังมีสถานที่ ที่อยู่ด้านใน ซึ่งผมทราบภายหลัง เมื่อได้เดินทางออกมาแล้ว หากท่านที่ได้มีโอกาสมาแวะเยี่ยมชมที่นี่ และมีเวลาเพียงพอ ก็ขอแนะนำครับ 

วิหารและพระพุทธสิริกิติโยภาส

พระพุทธสิริกิติโยภาส  พระประธานภายในวิหารบนเขาเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘  ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาพระราชทานนามพระพุทธรูปเป็นการส่วนพระองค์ว่า "พระพุทธสิริกิติโยภาส" และทรงเททองพระพุทธสิริกิตติโยภาสจำลอง ในวโรกาสที่ได้ทรงเสด็จ เปิดศาลาเฉลิมพระเกียรติฯ ๘๐ พรรษาเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เจดีย์ หลวงปู่หล้า คัมภีโร



เหมาะสมแก่เวลา  ผมก็ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ  ว่าจะแวะรับประทานอาหารกลางวัน คิดว่าจะเป็นร้านอาหาร ในภูเรือ จังหวัดเลย หลังจากนั้น ก็จะเดินทางยาว ครับ

ขอบคุณที่ติดตาม ครับ 😄

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น