เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด สระบุรี วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตอนที่ ๒

เที่ยวไหนดี? ... ไหว้พระ ๙ วัด  สระบุรี  😀

๕.  วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี  (ตอนที่ ๒/๓)


หลังจากที่ออกมาจากวิหารคลังล่าง (วิหารจีน) แล้ว  เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถึง ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ  ซึ่งอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของวิหาร  ภายในศาลเจ้าพ่อพระกาฬนี้มีเทวรูป ยืน  ๔ องค์ นั่ง ๒ องค์  รวมทั้งหมด ๖ องค์ เทวรูปทั้งหมดนี้ เป็นศิลปะแบบสมัยบายน(หรือศิลปะลพบุรี) ซึ่งอยู่ในช่วงศิลปะสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ รุ่นเดียวกับ พระปรางค์สามยอด ลพบุรี  ทำมาจากศิลาทราย โดยฝีมือช่างขอม   ขุดพบที่เมืองโบราณ ที่เรียกว่า ขีดขีน  ซึ่งตั้งอยู่ที่ท้องที่อำเภอบ้านหมอในปัจจุบัน นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระพุทธบาท ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕


ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ

เทวรูปซ้าย (ยืน), เจ้าพ่อดำดง (นั่ง), เจ้าพ่อศรีดอกไม้ (ยืน), เจ้าพ่อพระกาฬ (ยืน), เจ้าพ่อจุ้ย (นั่ง), เทวรูปขวา (ยืน)


วิหารคลังบน

เดินต่อขึ้นไปด้านบน ทางซ้าย โดยผ่านวิหารคลังล่าง จะพบวิหารคลังบน  ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากพระมณฑปพระพุทธบาท  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนกว้างประมาณ ๔ เมตร ยาว ๕ ห้อง ผนังอาคารด้านนอกและด้านในฉาบปูนเรียบ มีภาพเขียนจิตรกรรมภายใน รอบด้าน เครื่องบนเป็นงานไม้ในสถาปัตยกรรมไทยประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ฯลฯ หลังคามี ๒ ชั้นซ้อน แต่ละซ้อนมี ๓ ตับ มีจั่วหรือหน้าบันก่ออิฐถือปูนที่ตับที่ ๑ ส่วนตับที่ ๒ และที่ ๓ เป็นปีกนกโดยรอบอาคารซึ่งออกมาเป็นชายคา โดยมีเสารายเป็นเสาปูนรองรับน้ำหนักชายคาโดยรอบที่หัวเสาทำเป็นรูปบัวแวงปูนปั้น ส่วนหน้าบันประดับด้วยลวดลายตราแผ่นดิน สมัยรัชกาลที่ ๕   ที่ประตูหน้าต่างเป็นแกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจกสี มีรูปแบบพิเศษที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและจีน ภายในประดิษฐานสิ่งสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว พระพุทธรูป พระบุษบก หมอชีวกโกมารภัจจ์หรือหลวงปู่ฤาษีสังฆมุนี 

พระบุษบกและ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง


ถ้าคนไม่เยอะ สามารถเดินเข้าไปชม พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอยู่ในเจดีย์แก้ว หุ้มด้วยผ้าสีเหลือง (ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง)  ใกล้ๆ ได้ครับ

พระเขี้ยวแก้ว, พระพุทธรูป, ฤาษี

กำแพงแก้ว


ออกจากวิหารคลังบน สามารถเดินไปที่พระมณฑป ได้ โดยไม่ต้องลงไปผ่านทางวิหารคลังล่าง ครับ สำหรับกำแพงแก้ว มีการสร้าง ๒ รอบ  รอบบน จะทำเป็นรูปเจดีย์ ส่วนรอบล่างจะทำเป็นรูปปรางค์เจดีย์ และปรางค์ทำจากหินอ่อน

ยอดกำแพงแก้ว รอบล่าง รูปปรางค์เจดีย์หินอ่อน  (ซ้าย) และ รอบบน รูปเจดีย์ (ขวา)
  
แนวกำแพงแก้วรอบบน

เขายนต์

จากวิหารคลังบน จะอยู่ด้านหลังของพระมณฑป ซึ่งผมเดินอ้อมไปทางขวา ก่อนถึงประตูทางเข้าพระมณฑป  จะพบเขายนต์ ด้านขวามือ  ซึ่งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ทางด้านทิศเหนือ ของพระมณฑปพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นโขดหินเล็กๆ  เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  และมีการก่อสร้างเพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อความสวยงาม บนยอดเขามีเจดีย์ หลายองค์ เชิงเขามีกุฎิเล็กๆ หลายหลัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ อาทิ พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ พระสังกัจจายน์ และพระสัจจพันธ์เถระ

พระมกุฎภัณฑ์เจดีย์

เป็นเจดีย์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างด้วยศิลาอ่อนทั้งองค์ เพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. ๒๔๐๓  อยู่ด้านเหนือ ใกล้กับองค์พระมณฑป (ในรูปเป็นสีเทาอ่อน  ล้อมด้วยผ้าสีเหลือง)


เขายนต์ และ พระมกุฎภัณฑ์เจดีย์

พระมณฑป  รอยพระพุทธบาท

พระมณฑป เป็นอาคารสร้างครอบรอยพระพุทธบาทชั้นหลังคาแต่ละชั้นจะเห็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ และนาคปัก หน้าบันเหนือประตู พระมณฑปเป็นลายไม้จำหลัก ภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ

พระมณฑป เขายนต์ และระฆังแขวน

รอยพระพุทธบาท มีรูปลักษณะเป็นรอยเท้าคนขนาดใหญ่ เหยียบประทับลงบนพื้นศิลา มีขนาดกว้าง ๒๑ นิ้ว ยาว ๕ ฟุต ลึก ๑๑ นิ้ว ทั่วทั้งรอยพระพุทธบาทมีทองคำปิดหุ้มอยู่โดยตลอด มีพื้นที่เหนือศิลาก่อเป็นขอบไว้ เป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย หุ้มทองคำประดับเพชรพลอย ประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปใหญ่ เป็นอุเทสิกเจดีย์ที่สร้างขึ้นมาแทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยพระพุทธบาทเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงพระลักษณะของมหาบุรุษ คือ พระบาทเหยียบลงบนพื้นจะเต็มไม่เว้าแหว่งและปรากฎลายมงคลร้อยแปด


รอยพระพุทธบาท 

รอยพระพุทธบาท

เสื่อเงิน
 พื้นภายในพระมณฑปนั้น มีเสื่อเงินที่สานขึ้นด้วยเส้นเงินแท้ๆปูลาดอยู่เป็นประจำ เดิมเสื่อเงินนี้มิได้เป็นรูปเสื่อ แต่เป็นแผ่นเงินปูต่อๆกันไปจนเต็มพระมณฑป มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น ๖๐๐ ชั่ง  ภายหลัง สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดให้เปลี่ยนแปลงแผ่นเงินเป็นรูปเสื่อ และได้มีการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา ปัจจุบันเป็นของที่ทำขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔

ประตูมุก สร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระุพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นไม้จำหลัก ลายเทพพนมล้อมด้วยลายก้านขด

บุษบก เป็นเรือนเครื่องยอดหลังคาปราสาทขนาดเล็ก ประดิษฐานอยู่กลางพระมณฑปตัวเสาประดับลายไม้เป็นลายกระจัง ลายกาบ และลายรักร้อยลงรักปิดทอง

พระพุทธรูป ภายในพระมณฑป
หลังจากถ่ายรูปรอยพระพุทธบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  กล้องถ่ายรูปของผมก็ แบตหมด  แต่ก็จะมีรายละเอียด ในส่วนต่างๆ ที่มีอยู่ในวัดพระพุทธบาทแห่งนี้ ที่ควรจะไปชม ครับ

บันไดนาคห้าเศียรสามสาย

เมื่อออกจากพระมณฑป จะเห็นบันไดทอดยาว จากพื้นล่างมาถึงทางเข้าพระมณฑป (ตอนแรกไม่ได้สังเกตุเห็นว่าเป็นบันไดแบบไหน ครับ 😑)    บันไดที่ว่านี้ชื่อว่า "บันไดห้าเศียรสามสาย" ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เป็นบันไดที่พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์เสด็จพระราชดำเนินขึ้นทรงนมัสการพระพุทธบาท นาคห้าเศียรหล่อขึ้นในรัชกาลของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประจำเชิงบันได ๒ สาย ต่อมาในรัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันไดเพิ่มขึ้นอีก รวมเป็น ๓ สายและหล่อเศียรนาคด้วยสัมฤทธิ์ประจำราวบันไดเพิ่มขึ้นอีก ๑ เศียร

บันไดนาคห้าเศียรสามสาย

เนื่องด้วย ปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งไม่กล้อง ที่จะถ่ายต่อ และเวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควร ผมก็เลยเดินชม ต่อรอบๆ อีกสักพัก และก็ตัดสินไปที่ไร่กุสุมา เพื่อที่จะไปดูว่ามีที่พักหรือไม่ ครับ

ภายในวัดยังมีอีกหลายสถานที่ ที่น่าสนใจ นะครับ  ติดตามอ่านได้ใน ตอนที่ ๓ ครับ

ขอบคุณ ครับ 😄


สำหรับท่านที่สนใจหาที่พัก ใน จังหวัดสระบุรี สามารถ กดลิงค์ ที่นี่ ได้  หรือ กดลิงค์นี่ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น